วันอังคารที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2560

Lesson 7 

บันทึกอนุทิน
วิชา การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ทางการศึกษาปฐมวัย
(Learning Experiences Management in Early Childhood Education)
อาจารย์ผู้สอน : อ.จินตนา  สุขสำราญ                           
ประจำวันที่ : 13 มีนาคม 2560
เรียนครั้งที่่ :  7  เวลา 11.30-14.30 น.                                   
กลุ่ม  102 วันจันทร์ ห้อง 34-301




Knowledge (ความรู้)


นิทานเรื่อง " กับดักหนู"













โทรทัศน์ครู Project Approach "การสอนแบบโครงการ"






5 ลักษณะของ Project Approach 
  • ลักษณะที่ 1 การอภิปราย
  • ลักษณะที่ 2 การนำเสนอประสบการณ์เดิม
  • ลักษณะที่ 3 การทำงานภาคสนาม
  • ลักษณะที่ 4 การสืบค้น
  • ลักษณะที่ 5 การจัดแสดง

วิธีจัดการเรียนการสอนแบบโครงการมี 4 ระยะ  คือ 
  • ระยะที่ 1 เริ่มต้นโครงการ เด็กจะร่วมกันคิดเรื่องที่สนใจ 
  • ระยะที่ 2 ระยะวางแผนโครงการ เป็นช่วงเวลาที่กำหนดจุดประสงค์ว่าต้องการเรียนรู้อะไร กำหนดขอบเขตเนื้อหา ระยะเวลาและวิธีการศึกษา 
  • ระยะที่ 3 ดำเนินโครงการตามที่กำหนดไว้ ที่เน้นระบวนการแก้ปัญหา จัดเป็นหัวใจของการสอนแบบโครงการ เพราะเด็กจะได้รับข้อมูลใหม่จากประสบการณ์ตรงหรือเป็นแหล่งข้อมูลพื้นฐานเพราะเด็กได้สนทนา พูดคุยกับบุคคล และสืบค้นจากแหล่งเรียนรู้ ขณะเดียวกันเด็กสามารถค้นความรู้จากแหล่งข้อมูลรอง (Secondary Sources) เช่น การดูวีดีทัศน์ การอ่านหนังสือ เป็นต้น 
  • ระยะที่ 4 สรุปโครงการ ครูและเด็กร่วมวางแผนสรุปโครงการ เป็นขั้นตอนการประเมินโครงการ ทบทวนการปฏิบัติ และวางแผนโครงการใหม่ วิธีการสรุปโครงการอาจจะให้เด็กนำผลงานที่ได้รับมอบหมายมาแสดงต่อครูแล้วอภิปรายประเด็นปัญหา หรือให้เด็กนำเสนอผลงาน ในรูปของการจัดแสดง จัดเป็นนิทรรศการ หรือสาธิตผลงาน 
  • มีกิจกรรมหลักในโครงการ 4 กิจกรรมคือ กิจกรรมสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในชั้นเรียน กิจกรรมทัศนศึกษา กิจกรรมสืบค้น และกิจกรรมนำเสนอผลงาน 
  • กิจกรรมสืบค้นมีหลากหลายได้แก่ การรวบรวมข้อมูลที่ได้จากการสังเกต การสัมภาษณ์ การปฏิบัติทดลอง การรวบรวมเอกสาร การรายงาน การจัดแสดงผลงานที่ได้จากโครงการ เป็นต้น 
  • เรื่องที่จะเรียนมาจากความสนใจของเด็กที่ต้องการเรียนอย่างลุ่มลึก เด็กจึงเป็นผู้วางแผนและร่วมคิด ร่วมมือสืบค้นกับผู้อื่น ครูเป็นผู้สนับสนุน สังเกตและอำนวยความสะดวก หากเรื่องนั้นมีความเป็นไปได้ มีแหล่งข้อมูลเพียงพอ พ่อแม่และชุมชนมีความพร้อมที่จะร่วมมือ 
  • ทักษะการเรียนรู้หนังสือจำนวน ให้บูรณาการในหัวเรื่องโครงการ รวมทั้งวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษา ดังนั้น หัวเรื่องหนึ่งที่เด็กสนใจเรียนรู้นั้นต้องมีเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์และควรสำรวจที่โรงเรียนเหมาะกว่าที่บ้าน
การเรียนการสอนแบบโครงการจะตอบสนองการเรียนรู้ตามทฤษฎีพหุปัญญา ของโฮวาร์ด การ์ดเนอร์ 

ทฤษฎีพหุปัญญา ตามแนวคิดของการ์ดเนอร์ ในปัจจุบันมีปัญญาอยู่อย่างน้อย 8 ด้าน ดังนี้
  • 1. ปัญญาด้านภาษา (Linguistic Intelligence) คือ ความสามารถในการใช้ภาษารูปแบบต่างๆ ตั้งแต่ภาษาพื้นเมือง จนถึงภาษาอื่นๆ ด้วย สามารถรับรู้ เข้าใจภาษา และสามารถสื่อภาษาให้ผู้อื่นเข้าใจได้ตามที่ต้องการ ผู้ที่มีปัญญาด้านนี้โดดเด่น ก็มักเป็น กวี นักเขียน นักพูด นักหนังสือพิมพ์ ครู ทนายความ หรือนักการเมือง
  • 2. ปัญญาด้านตรรกศาสตร์และคณิตศาสตร์ (Logical-Mathematical Intelligence)คือ ความสามารถในการคิดแบบมีเหตุและผล การคิดเชิงนามธรรม การคิดคาดการณ์ และการคิดคำนวณทางคณิตศาสตร์ ผู้ที่มีปัญญาด้านนี้โดดเด่น ก็มักเป็น นักบัญชี นักสถิติ นักคณิตศาสตร์ นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ นักเขียนโปรแกรม หรือวิศวกร
  • 3. ปัญญาด้านมิติสัมพันธ์ (Visual-Spatial Intelligence)คือ ความสามารถในการรับรู้ทางสายตาได้ดี สามารถมองเห็นพื้นที่ รูปทรง ระยะทาง และตำแหน่ง อย่างสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน แล้วถ่ายทอดแสดงออกอย่างกลมกลืน มีความไวต่อการรับรู้ในเรื่องทิศทาง สำหรับผู้ที่มีปัญญาด้านนี้โดดเด่น จะมีทั้งสายวิทย์ และสายศิลป์ สายวิทย์ ก็มักเป็น นักประดิษฐ์ วิศวกร ส่วนสายศิลป์ ก็มักเป็นศิลปินในแขนงต่างๆ เช่น จิตรกร วาดรูป ระบายสี เขียนการ์ตูน นักปั้น นักออกแบบ ช่างภาพ หรือสถาปนิก เป็นต้น
  • 4. ปัญญาด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว (Bodily Kinesthetic Intelligence)คือ ความสามารถในการควบคุมและแสดงออกซึ่งความคิด ความรู้สึก โดยใช้อวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงความสามารถในการใช้มือประดิษฐ์ ความคล่องแคล่ว ความแข็งแรง ความรวดเร็ว ความยืดหยุ่น ความประณีต และความไวทางประสาทสัมผัส สำหรับผู้ที่มีปัญญาด้านนี้โดดเด่น มักจะเป็นนักกีฬา หรือไม่ก็ศิลปินในแขนง นักแสดง นักฟ้อน นักเต้น นักบัลเล่ย์ หรือนักแสดงกายกรรม
  • 5. ปัญญาด้านดนตรี (Musical Intelligence)คือ ความสามารถในการซึมซับ และเข้าถึงสุนทรียะทางดนตรี ทั้งการได้ยิน การรับรู้ การจดจำ และการแต่งเพลง สามารถจดจำจังหวะ ทำนอง และโครงสร้างทางดนตรีได้ดี และถ่ายทอดออกมาโดยการฮัมเพลง เคาะจังหวะ เล่นดนตรี และร้องเพลง สำหรับผู้ที่มีปัญญาด้านนี้โดดเด่น มักจะเป็นนักดนตรี นักประพันธ์เพลง หรือนักร้อง
  • 6. ปัญญาด้านมนุษยสัมพันธ์ (Interpersonal Intelligence)คือ ความสามารถในการเข้าใจผู้อื่น ทั้งด้านความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ และเจตนาที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน มีความไวในการสังเกต สีหน้า ท่าทาง น้ำเสียง สามารถตอบสนองได้อย่างเหมาะสม สร้างมิตรภาพได้ง่าย เจรจาต่อรอง ลดความขัดแย้ง สามารถจูงใจผู้อื่นได้ดี เป็นปัญญาด้านที่จำเป็นต้องมีอยู่ในทุกคน แต่สำหรับผู้ที่มีปัญญาด้านนี้โดดเด่น มักจะเป็นครูบาอาจารย์ ผู้ให้คำปรึกษา นักการฑูต เซลแมน พนักงานขายตรง พนักงานต้อนรับ ประชาสัมพันธ์ นักการเมือง หรือนักธุรกิจ
  • 7. ปัญญาด้านการเข้าใจตนเอง (Intrapersonal Intelligence)คือ ความสามารถในการรู้จัก ตระหนักรู้ในตนเอง สามารถเท่าทันตนเอง ควบคุมการแสดงออกอย่างเหมาะสมตามกาลเทศะ และสถานการณ์ รู้ว่าเมื่อไหร่ควรเผชิญหน้า เมื่อไหร่ควรหลีกเลี่ยง เมื่อไหร่ต้องขอความช่วยเหลือ มองภาพตนเองตามความเป็นจริง รู้ถึงจุดอ่อน หรือข้อบกพร่องของตนเอง ในขณะเดียวกันก็รู้ว่าตนมีจุดแข็ง หรือความสามารถในเรื่องใดมีความรู้เท่าทันอารมณ์ ความรู้สึก ความคิด ความคาดหวัง ความปรารถนา และตัวตนของตนเองอย่างแท้จริง เป็นปัญญาด้านที่จำเป็นต้องมีอยู่ในทุกคนเช่นกัน เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอย่างมีคุณค่า และมีความสุข สำหรับผู้ที่มีปัญญาด้านนี้โดดเด่น มักจะเป็นนักคิด นักปรัชญา หรือนักวิจัย
  • 8. ปัญญาด้านธรรมชาติวิทยา (Naturalist Intelligence)คือ ความสามารถในการรู้จัก และเข้าใจธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง เข้าใจกฎเกณฑ์ ปรากฏการณ์ และการรังสรรค์ต่างๆ ของธรรมชาติ มีความไวในการสังเกต เพื่อคาดการณ์ความเป็นไปของธรรมชาติ มีความสามารถในการจัดจำแนก แยกแยะประเภทของสิ่งมีชีวิต ทั้งพืชและสัตว์ สำหรับผู้ที่มีปัญญาด้านนี้โดดเด่น มักจะเป็นนักธรณีวิทยา นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย หรือนักสำรวจธรรมชาติ

ตรวจแผนเสริมประสบการณ์ครั้งที่ 2
(เพื่อเตรียมสอบสอน)




Skill (ทักษะ)

- การคิดวิเคราะห์
- การตอบคำถาม
- การประยุกต์ใช้ความรู้


Application  (การประยุกต์ใช้)
               
        นำความรู้ที่ได้ในวันนี้ ไปใช้ในการจัดประสบการณ์แบบโครงการให้แก่เด็ก โดยอาศัยหลักการที่ถูกต้องและยึดเด็กเป็นสำคัญ และในการจัดเขียนแผนเสริมประสบการณ์ต้องเขียนให้หลากหลาย สอดแทรกความรู้ให้เด็กมากที่สุดเท่าที่จะทำได้


Technical Education (เทคนิคการสอน)

- เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
- ใช้คำถามในการกระตุ้นผู้เรียน
- เทคนิคการใช้คำถาม


Evaluation (การประเมิน)  

Self: เข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายเรียบร้อย ตั้งใจเรียนและจดในสิ่งอาจารย์สอน
Friend : ตั้งใจเรียน ช่วยกันตอบคำถาม
Teacher : เข้าสอนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย เวลาสอนก็จะสอนแบบละเอียด อธิบายเพิ่มเติมจากสิ่งที่นักศึกษาทำ แนะแนวทางให้งานสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น คอยกระตุ้นให้นักศึกษากระตือรือล้นในการเรียน และใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวล สูง ต่ำ ตามจังหวะของการสอน และสอดแทรกเทคนิคที่ดีในระหว่างที่เรียน



วันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2560

Lesson 6
บันทึกอนุทิน


วิชา การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ทางการศึกษาปฐมวัย
(Learning Experiences Management in Early Childhood Education)
อาจารย์ผู้สอน : อ.จินตนา  สุขสำราญ                           
ประจำวันที่ : 6 มีนาคม 2560
เรียนครั้งที่่ :  6 เวลา 11.30-14.30 น.                                   
กลุ่ม  102 วันจันทร์ ห้อง 34-301


Knowledge (ความรู้)

กิจกรรม เพลงที่ฝึกการใช้สมองเป็นฐาน


เพลง ศูนย์ สอง ห้า สิบ



ศูนย์ สอง ห้า สิบ  (ซ้ำ)
นวดไหล่ซ้าย
นวดไหล่ขวา
แล้วหันมาหัวเราะกัน (ซ้ำ)
ฮะ ฮ่ะ ฮ่า ฮะ ฮ่ะ ฮ่า


เพลง จับหัว จับหู จับไหล่


จับหัว จับหู จับไหล่
จับดูใหม่ จับไหล่ จับหู
จับใหม่ จับให้ฉันดู (ซ้ำ)
จับหัว จับหู แล้วมาจับไหล่

เพลง อย่าเกียจคร้าน

อย่าเกียจคร้านการทำงานนะพวกเรา
งานหนักงานเบา เหนื่อยเเล้วเราพักผ่อนก็หาย
ไม่มีงานหลบหลีกงาน ด้วยเกียจคร้าน เอาแต่สบาย
แก่จนตายขอทำนายว่าไม่เจริญ




ภาพการทำกิจกรรม








เทคนิคการสอนเด็กร้องเพลง
  • อ่านให้เด็กฟัง
  • ให้เด็กร้องตามทีวรรค
  • ร้องพร้อมกัน

แผนการจัดประสบการณ์ ชั้นอนุบาล2    กิจกรรมเสริมประสบการณ์
หน่วย ไข่    เรื่อง  ลักษณะของไข่  ประจำวันอังคา



วัตถุประสงค์
1.เด็กบอกชื่อไข่ไก่และไข่เป็ดได้
2.เด็กอธิบายลักษณะของไข่ไก่และไข่เป็ดได้ เช่น  รูปร่าง สี ขนาด  ผิวสัมผัสกลิ่น รสชาติ และส่วนประกอบได้
3. เด็กเปรียบเทียบความเหมือน ความแตกต่างของไข่ไก่และไข่เป็ดได้

สาระการเรียนรู้
  • สาระที่ควรเรียนรู้
       ไข่ไก่ มีรูปร่างทรงกลม หรือทรงรี เปลือกจะมีสีครีม ส้มอมครีม และน้ำตาลอ่อน มีขนาดกลมโต มีผิวที่เรียบ ลื่น มีกลิ่นคาว รสชาติจืดและมีส่วนประกอบคือ เปลือก ไข่ขาว และไข่แดง
        ไข่เป็ด มีรูปร่างทรงกลม หรือทรงรี เปลือกจะมีสีขาว สีเขียว มีขนาดกลมโต มีกลิ่นคาว มีผิวที่เรียบ ลื่น รสชาติจืดและมีส่วนประกอบ คือ เปลือก ไข่ขาว และไข่แดง
        ความแตกต่างของไข่ไก่และไข่เป็ด
-ไข่ไก่มีเปลือกสีครีม ส้มอมครีม และน้ำตาลอ่อน ส่วนไข่เป็ดมีเปลือกสีขาวหรือเขียว
- ไข่เป็ดมีขนาดใหญ่กว่าไข่ไก่
- ไข่เป็ดกลิ่นคาวมากกว่าไข่ไก่
  • ประสบการณ์สำคัญ
ด้านร่างกาย
-การเคลื่อนไหวอยู่กับที่และการเคลื่อนไหวเคลื่อนที่

ด้านอารมณ์-จิตใจ
-การแสดงออกอย่างสนุกสนานกับเรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆ

ด้านสังคม
-การทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นได้
-การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเคารพความคิดเห็นของผู้อื่น

ด้านสติปัญญา
-การรู้จักสิ่งต่างๆ ด้วยการมอง ฟัง สัมผัส ชิมรส และดมกลิ่น
-การสำรวจและอธิบายความเหมือนความแตกต่างของสิ่งต่างๆ

กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นนำ
1. ครูและเด็กร่วมกันร้องเพลง “ ลักษณะของไข่”
ไข่เป็ด ไข่ไก่ ไข่เป็ด ไข่ไก่
มีรูปทรงเป็นวงรี
สีขาวครีมผิวเรียบเนียน
มีทั้งเปลือกไข่ขาวไข่แดง
แถมกลิ่นมันนั้นยังคาว
2. ครูสนทนาและใช้คำถาม เช่น “ในเพลงไข่มีลักษณะยังไง”

ขั้นสอน
3. ครูนำไข่ไก่และไข่เป็ดไปใส่ในแผงไข่โดยใช้ผ้าปิดไว้มาให้เด็กๆดูและถามเด็กว่า “มีอะไรอยู่ในนี้”
4.ครูหยิบไข่ไก่ และไข่เป็ดขึ้นมาให้เด็กสังเกตเกี่ยวกับลักษณะ รูปร่าง สี ขนาด ผิวสัมผัส กลิ่น รสชาติ และส่วนประกอบ
5. ครูและเด็กร่วมกันสนทนาเปรียบเทียบความเหมือน ความแตกต่างของไข่ไก่และไข่เป็ดโดยใช้ผังกราฟิก(เวนไดอะแกรม)

ขั้นสรุป
6. ครูและเด็กร่วมกันสรุปลักษณะของไข่เป็ดและไข่ไก่

สื่อ/แหล่งเรียนรู้
-แผ่นชาร์ตคำคล้องจอง ข.เอ๋ย ข.ไข่
-ไข่ไก่
-ไข่เป็ด
-แผงไข่
-แผ่นชาร์ตเปรียบเทียบความเหมือน ความแตกต่างของไข่ไก่และไข่เป็ด

การวัดและประเมินผล
1.จากการสนทนาและตอบคำถามของเด็ก
2.การบอกชื่อไข่ไก่และไข่เป็ด
3.การอธิบายลักษณะของไข่ไก่และไข่เป็ด
4.การเปรียบเทียบความเหมือนความแตกต่างของไข่ไก่และไข่เป็ด




Skill (ทักษะ)

- การคิดวิเคราะห์
- การตอบคำถาม
- การประยุกต์ใช้ความรู้


Application  (การประยุกต์ใช้)
               
        นำความรู้ที่ได้ในวันนี้ ไปใช้ในการจัดประสบการณ์ให้แก่เด็ก นำเทคนิคใหม่ๆมาใช้ เช่น เพลงที่พัฒนาสมอง นอกจากเด็กจะได้ความรู้แล้วเด็กยังเกิดความสนุกอีกด้วย อีกทั้งการเรียนการสอนจะได้มีความหลากหลาย เด็กจะได้ไม่เบื่อ และทำให้เด็กอยากเรียนมากยิ่งขึ้น


Technical Education (เทคนิคการสอน)

- เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
- ใช้คำถามในการกระตุ้นผู้เรียน
- เทคนิคการใช้คำถาม


Evaluation (การประเมิน)  

Self: เข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายเรียบร้อย ตั้งใจเรียนและจดในสิ่งอาจารย์สอน
Friend : ตั้งใจเรียน ช่วยกันตอบคำถาม
Teacher : เข้าสอนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย เวลาสอนก็จะสอนแบบละเอียด อธิบายเพิ่มเติมจากสิ่งที่นักศึกษาทำ แนะแนวทางให้งานสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น คอยกระตุ้นให้นักศึกษากระตือรือล้นในการเรียน และใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวล สูง ต่ำ ตามจังหวะของการสอน และสอดแทรกเทคนิคที่ดีในระหว่างที่เรียน


Lesson 5


บันทึกอนุทิน (เรียนชดเชย)

วิชา การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ทางการศึกษาปฐมวัย
(Learning Experiences Management in Early Childhood Education)
อาจารย์ผู้สอน : อ.จินตนา  สุขสำราญ                           
ประจำวันที่ : 4 มีนาคม 2560
เรียนครั้งที่่ :  5 เวลา 11.30-14.30 น.                                   
กลุ่ม  102 วันจันทร์ ห้อง 34-301


Knowledge (ความรู้)
สอบสอนการจัดประสบการณ์กิจกรรมเคลื่อนหวและจังหวะ


แผนการจัดประสบการณ์ ชั้นอนุบาล2    กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ

หน่วย ไข่    เรื่อง  ลักษณะของไข่ ประจำวันอังคาร




แผนการจัดประสบการณ์ ชั้นอนุบาล2    กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ
หน่วย ไข่    เรื่อง  ลักษณะของไข่ ประจำวันอังคาร


วัตถุประสงค์
1.เด็กเคลื่อนไหว
ส่วนต่างๆของร่างกายทั้งอยู่กับที่และเคลื่อนที่ 
2. เด็กเคลื่อนไหว
ส่วนต่างๆของร่างกายประกอบจังหวะและดนตรีได้
3. เด็กเคลื่อนไหวประกอบเพลงได้
4. เด็กปฏิบัติตนเป็นผู้นำผู้ตามได้
5. เด็กยืดเหยียดร่างกายได้

สาระการเรียนรู้
  • สาระที่ควรเรียนรู้
กิจกรรมพื้นฐาน
-เคลื่อนไหวอยู่กับที่ เช่น การหมุน การบิด การโอนเอน 
- เคลื่อนไหวเคลื่อนที่ เช่น การเดินแบบต่างๆ การกระโดด

กิจกรรมสัมพันธ์เนื้อหา
-การเคลื่อนไหวประกอบจังหวะและดนตรีได้
-การเคลื่อนไหวประกอบเพลง
-การเป็นผู้นำผู้ตาม

กิจกรรมพักคลายกล้ามเนื้อ
-การยืดเหยียดส่วนต่างๆของร่างกาย
  • ประสบการณ์สำคัญ
ด้านร่างกาย
-การเคลื่อนไหวอยู่กับที่และการเคลื่อนไหวเคลื่อนที่

ด้านอารมณ์-จิตใจ
-การแสดงออกอย่างสนุกสนานกับการทำกิจกรรมเคลื่อนไหวแบบต่างๆ

ด้านสังคม
-การทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นได้
-การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของผู้อื่น

ด้านสติปัญญา
-การเริ่มต้นและหยุด
-การเคลื่อนไหวตามสัญญาณ
-การเลียนแบบการกระทำต่างๆ

กิจกรรมการเรียนรู้
กิจกรรมพื้นฐาน
1.เด็กหาบริเวณและพื้นที่ของตนเอง
2.ครูสร้างข้อตกลงกับเด็กต่อไปนี้
-ครูเคาะจังหวะช้าให้เด็กเคลื่อนไหวช้าๆ
-ครูเคาะจังหวะเร็วให้เด็กเคลื่อนไหวเร็วๆ
-ถ้าครูเคาะจังหวะ 2 ครั้งติดกันให้เด็กหยุดการเคลื่อนไหวในถ้านั้นทันที
3.ให้เด็กๆเคลื่อนไหวร่างกายไปทั่วๆบริเวณและพื้นที่อย่างอิสระและเมื่อได้ยินสัญญาณหยุดให้หยุดในท่านั้นทันที
กิจกรรมสัมพันธ์เนื้อหา
4. เด็กและครูร่วมกันร้องเพลง”แม่ไก่ออกไข่” และเคลื่อนไหวประกอบเพลงไปเรื่อยๆ เมื่อได้ยินสัญญาณหยุด ให้เด็กจับกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน และให้เข้าแถวเป็นวงกลม โดยให้เด็ก 1 คน เข้าไปยืนอยู่ในวงกลม ทำท่าทาง “แม่ไก่ออกไข่” และลักษณะของไข่ เช่น ขนาดของไข่ ใหญ่ กลาง เล็ก และให้เพื่อนๆทำตาม เมื่อได้ยินสัญญาณหยุดให้เด็กคนต่อไปออกมาเป็นผู้นำแทน
กิจกรรมพักคลายกล้ามเนื้อ
-ให้เด็กนั่งหรือนอนในท่าที่สบาย นวดเบาๆที่แขนและขา

สื่อ/แหล่งเรียนรู้
-เครื่องเคาะจังหวะ
-เพลง”แม่ไก่
ออกไข่”

การวัดและประเมินผล
.การเคลื่อนไหวร่างกายอยู่กับที่และการเคลื่อนไหวเคลื่อนที่
2.การเคลื่อนไหวประกอบจังหวะและดนตรี
3.การเคลื่อนไหวประกอบเพลง
4.การเป็นผู้นำผู้ตาม
5.การยืดเหยียดส่วนต่างๆของร่างกาย


ภาพการทำกิจกรรม











*ข้อเสนอแนะจากอาจารย์ผู้สอน**

เวลาสอนต้องระบุไปเลยว่าวันนี้จะสอนอะไร เช่น ให้เด็กเคลื่อนไหวแบบไหน ??
ถ้าทำแบบก้าวชิดก้าว ก็ให้ทำแค่แบบนี้โดยทำตามจังหวะสัญญาณที่เราตกลงกับเด็ก เพราะ จะได้นำเอาการเคลื่อนไหวแบบอื่นไปใช้ในวันอื่นได้ จะเกิดความหลากหลายเด็กจะไม่เบื่อ และสนุกในการเรียน


Skill (ทักษะ)

- การคิดวิเคราะห์
- การตอบคำถาม
- การประยุกต์ใช้ความรู้
- การลงมือปฏิบัติ


Application  (การประยุกต์ใช้)
             
        นำความรู้ที่ได้ในวันนี้ ไปใช้ในจัดประสบการณ์ให้แก่เด็ก เวลาเขียนแผนการจัดประสบการณ์ต้องให้สอดคล้องกับพัฒนาการและวิธีการเรียนรู้ของเด็กด้วยวิธีการที่หลากหลาย และนำเทคนิคต่างๆที่อาจารย์สอนไปสอดแทรกในระหว่างสอนเพื่อให้การจัดการเรียนการสอนมีความน่าสนใจ และนำคำแนะนำของอาจารย์ไปปรับปรุงตนเองให้ดีมากขึ้น


Technical Education (เทคนิคการสอน)

- เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
- ใช้คำถามในการกระตุ้นผู้เรียน
- เทคนิคการใช้คำถาม


Evaluation (การประเมิน)  

Self: เข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายเรียบร้อย ตั้งใจเรียนและจดในสิ่งอาจารย์สอน
Friend : ตั้งใจเรียน ช่วยกันตอบคำถาม ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม
Teacher : เข้าสอนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย ใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวล สูง ต่ำ ตามจังหวะของการสอน และสอดแทรกเทคนิคที่ดีในระหว่างที่เรียนให้คำแนะนำที่เราสามารถนำไปปรับปรุงตนเองในการสอน เพื่อให้การสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น